Thursday, August 8, 2019

โปรแกรมป้องกันไวรัส

โปรแกรมป้องกันไวรัส



โปรแกรมป้องกันไวรัส หรือ แอนติไวรัส (อังกฤษantivirus software) เป็นโปรแกรมที่สร้างขึ้นเพื่อคอยตรวจจับ ป้องกัน และกำจัดโปรแกรมคุกคามทางคอมพิวเตอร์หรือมัลแวร์ ซึ่งหมายถึง ไวรัส เวิร์ม โทรจัน สปายแวร์ แอดแวร์ และซอฟต์แวร์คุกคามประเภทอื่น ๆ
โปรแกรมป้องกันไวรัสมี 2 แบบหลักๆ คือ
  1. แอนติไวรัส (Anti-Virus) เป็นโปรแกรมโปรแกรมป้องกันไวรัสทั่ว ๆ ไป จะค้นหาและทำลายไวรัสในคอมพิวเตอร์ของเรา
  2. แอนติสปายแวร์ (Anti-Spyware) เป็นโปรแกรมป้องกันการโจรกรรมข้อมูล จากไวรัสสปายแวร์ และจากแฮ็กเกอร์ รวมถึงการกำจัด Adsware ซึ่งเป็นป๊อปอัพโฆษณาอีกด้วย
โปรแกรมป้องกันไวรัสจะค้นหาและทำลายไวรัสที่ไฟล์โดยตรง แต่ในทุก ๆ วันจะมีไวรัสชนิดใหม่เกิดขึ้นมาเสมอ ทำให้เราต้องอัปเดตโปรแกรมป้องกันไวรัสตลอดเวลาเพื่อให้คอมพิวเตอร์ของเราปลอดภัย โดยแอนติไวรัสของแต่ละบริษัทอาจมีรูปแบบการทำงานและหน้าตาของโปรแกรมที่แตกต่างกันออกไป รวมถึงอาจจะมีการอัปเดตและการป้องกันที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งในคอมพิวเตอร์เครื่องเดียวไม่ควรมีแอนติไวรัส 2 โปรแกรมหรือมากกว่านั้นเพราะอาจจะทำให้โปรแกรมขัดแย้งกันเองจนไม่สามารถใช้งานได้

อันดับ 1 - Avast Free Antivirus


Avast Antivirus จากโปรแกรมสแกนไวรัสที่ติดอันดับรั้งท้ายมาตลอดในเรื่องของความคลาดเคลื่อนในการกำจัดไวรัส ที่ไม่ว่าจะเสียบอะไร จะเปิดอะไร ก็เป็นอันต้องถูกจับว่าเป็นพิษภัยต่อคอมพิวเตอร์ของเราตลอด ซึ่งเมื่อระยะเวลาได้ดำเนินผ่านไปเรื่อยๆ ตัวโปรแกรมก็มีการพัฒนามา ควบคู่กับการรับฟังความเห็นจากผู้ใช้งาน จนเมื่อล่าสุด Avast ก็กลายเป็นที่นิยมในบรรดาผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ทั่วโลก ย้ำนะ ! ว่าทั่วโลก ตัวโปรแกรมติดตั้งง่าย คำสั่ง เมนูต่างๆ ไม่ซับซ้อน ทำให้ผู้ใช้งานเข้าใจได้เร็ว เรื่องประสิทธิภาพการทำงานนั้นไม่ต้องพูดถึง เพราะเป็นอะไรที่เทพแล้วก็เทพอีก ซึ่งในขณะที่กำลังสแกนนั้น ตัวโปรแกรมใช้ทรัพยากรของเครื่องน้อยมาก การสแกนทำได้เร็ว แต่อยากจะแนะนำให้สแกนทีละ Drive ดีกว่า ตัวโปรแกรมจะได้ทำงานอย่างเต็มที่ และมีประสิทธิภาพในการค้นหาไวรัสได้มากขึ้น

อันดับ 2 - Panda Cloud Antivirus Free


Panda เป็นอีกหนึ่งโปรแกรมสแกนไวรัสที่ใช้งานได้ง่าย มีฟังก์ชั่นเทพๆ เพียบ รวมถึงยังเปิดให้ใช้งานกันได้ฟรีๆ ซึ่งใน Version ใหม่ที่ปล่อยให้ดาวน์โหลดไปใช้กันนั้น ได้มีการเพิ่มฟังก์ชั่นที่มีชื่อว่า “USB Vaccine” ที่ช่วยลดความเสี่ยงของไวรัสประเภท Malware ที่ติดมากับตัว USB Drive อีกทั้ง Panda ใน Version 3.0 ที่เป็น Version ใหม่นี้ยังมาพร้อมกับหน้าตาใหม่ โดยมีการเพิ่มความสามารถในด้านการสแกนไวรัสจากในคอมพิวเตอร์ และ USB ได้แบบอัตโนมัติ ซึ่ง Panda Cloud Antivirus Free สามารถป้องกัน Malware ที่มีในปัจจุบันได้แบบหายขาด 100%

อันดับ 3 - ZoneAlarm Free Antivirus + Firewall


ZoneAlarm ก็ไม่ได้ถือว่าเป็นโปรแกรมสแกนไวรัสน้องใหม่แต่อย่างใด เพราะว่าเจ้าตัวโปรแกรมนี้ก็มีมาตั้งนานมากแล้ว และมีการพัฒนาให้ยิ่งเทพขึ้นเรื่อยๆ โดยจุดเด่นของตัวนี้เลยก็คือ โปรแกรมจะทำการอัพเดทฐานข้อมูลไวรัสที่มาใหม่ในทุกๆ วันสำหรับ Version ฟรี แต่ถ้าเป็น Version เสียเงินก็จะยิ่งเทพมากกว่า คือ จะอัพเดทให้ทุกๆ ชั่วโมงเลยทีเดียว ทำให้ตัวโปรแกรมรอพร้อมรับมือกับไวรัสร้ายสายพันธุ์ใหม่ๆ ที่จะเข้ามาได้อย่างทันท่วงที รวดเร็ว ไม่ปล่อยให้เล็ดรอด อีกทั้งยังมีคุณสมบัติด้าน Firewall ฟังก์ชั่นการป้องกันเวลาที่เราเข้าใช้งานอินเตอร์เน็ต หรือเว็บไซต์ผ่านเบราเซอร์ (Browsing Protect) ถือว่าเป็นข้อที่ทำให้ ZoneAlarm Free Antivirus + Firewall แตกต่างจากฟรีแอนตี้ไวรัสตัวอื่นๆ ในส่วนของการตั้งค่าเพื่อใช้งานนั้น ผู้พัฒนาคอนเฟิร์มมาว่าผู้ใช้งานสามารถ Set ค่าการทำงาน หรือการตั้งค่าได้ผ่านปุ่มคำสั่งไม่เกิน 10 ปุ่มเท่านั้น แบบนี้คงจะต้องหาเวลาลองซะแล้ว

อันดับ 4 - Avira Free Antivirus


Avira เป็นโปรแกรมสแกนไวรัสที่ผู้ใช้งานส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะเรียกชื่อมันสักเท่าไหร่ เอาแต่เรียกว่า “ร่มแดง” นั่นก็เพราะเป็นสัญลักษณ์ของเจ้าซอฟต์แวร์ตัวนี้ เวลาที่ไม่ต้องการให้มันทำงานก็แค่หุบร่ม แต่ถ้าอยากให้มันกลับมาทำงานตามปกติก็แค่กางร่ม เห็นมะ ? ใช้งานไม่ยากเลย กระซิบหน่อย อยากจะบอกว่าผู้เขียนก็ใช้โปรแกรมตัวนี้อยู่เหมือนกัน อาจจะไม่ได้วิเศษเลิศเลอเหมือน Version เสียเงิน แต่ก็เป็นโปรแกรมที่มีประสิทธิภาพเข้าขั้นดี ทำงานอยู่เบื้องหลังเงียบ ไฟล์ไหนไม่แน่ใจก็จะตามผู้ใช้ก่อนเลือกที่จะลบเสมอ ดีไม่ดีก็ดูได้จากยอดการดาวน์โหลดจากทั่วโลกไปแล้วกว่า 300 ล้านครั้ง ซึ่งคุณสมบัติที่เด็ดดวงเลยก็คือ การมีฟังก์ชั่นให้เราได้เลือกก่อนเริ่มการติดตั้ง หรือแม้แต่การเลือกเปิดการป้องกันไวรัสที่จะเข้ามาทางเบราเซอร์ รวมถึงมี Avira Toolbar ที่ช่วยบล็อคโฆษณา หรือหน้าต่าง Pop-Up ที่อยู่ดีๆ ก็เด้งขึ้นมาได้ด้วย ลองโหลดไปใช้กัน

อันดับที่ 5 - Bitdefender Antivirus Free Edition


เท่าที่เคยได้สัมผัสกับเจ้าโปรแกรมสแกนไวรัสรูปวงกลมแดง หรือก็คือ Bitdefender เมื่อช่วงแรกๆ ที่เริ่มใช้คอมพิวเตอร์ หรือว่าใช้คอมพิวเตอร์ยังไม่ค่อยคล่องเท่าไหร่นั่นแหละ พบว่ามันไม่ค่อยมีอะไรหวือหวาเท่าไหร่ การป้องหรือการกำจัดไวรัสยังทำได้ไม่ค่อยดีนัก แต่มาครั้งนี้ Bitdefender ขอกลับมาแก้มือจนกลายเป็นที่นี่ยมไปทั่วโลกในขณะนี้แล้ว เพราะด้วยฟังก์ชั่นที่ครบครันเอามาก ถึงแม้ว่าหน้าตา เมนูจะดูเรียบง่าย แต่ก็อย่าเพิ่งตัดสินกันจากภายนอก คุณสมบัติที่โดดเด่นของ Bitdefender Antivirus Free Edition นี้ก็คือ การปรับให้สามารถสแกนตามความต้องการของผู้ใช้ หรืออาจตั้งให้เริ่มการทำงานแบบอัตโนมัติก็ได้นะ แหม่ Cool ! จริงๆ

อันดับ 6 - AVG Free Antivirus


สำหรับชื่อ AVG ถ้าไม่คุ้นหูนี่ก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว เพราะเจ้าซอฟต์แวร์ตัวนี้เคยรั้งอันดับ 1 โปรแกรมสแกนไวรัสที่มีแสนยานุภาพดีมากที่สุดเมื่อ 2 - 3 ปีที่ผ่านมา แต่ ณ ปัจจุบันนี้ก็มีโปรแกรมสแกนไวรัสตัวใหม่ๆ ที่มีพลังเหนื่อกว่าออกมาอยู่เรื่อยๆ ทำให้ AVG ต้องหลีกทางให้น้องใหม่ก่อน (เชื่อว่า AVG จะกลับมาผงาดได้อีกครั้ง) โดยคุณสมบัติเด่นของ AVG Free Antivirus เลย คือ การสแกนข้อมูลที่มีจำนวนชั้นมากๆ ได้ลึกทุกกระเบียดนิ้ว การสแกนอีเมล์ สแกนลิงก์ แล้วก็ยังช่วยป้องกันการโจมตีทางออนไลน์ได้ดี

อันดับ 7 - Emsisoft Emergency Kit


ถ้าเกิดว่าใครอยู่ในแวดวง หรืออยู่ในสายของนักพัฒนาที่ชีวิตส่วนใหญ่หมดไปกับคอมพิวเตอร์น่าจะรู้ข้อห้ามอย่างหนึ่งของการลงโปรแกรมสแกนไวรัส คือ ห้ามลงโปรแกรมแอนตี้ไวรัสมากกว่า 1 ตัว (เว้นแต่ว่าโปรแกรมนั้นจะมีคุณสมบัติและการใช้งานที่แตกต่างกัน) แต่โปรแกรมในอันดับที่ 7 Emsisoft Emergency Kit นี้ไม่ได้เป็นปัญหา เพราะสามารถติดตั้งเพื่อ Support โปรแกรมสแกนไวรัสตัวอื่นๆ หรือตัวหลักได้ ประมาณว่าช่วยเสริมกันให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น คอมพิวเตอร์ของเราจะได้ปลอดภัยมากขึ้นด้วยยังไงล่ะ

อันดับ 8 - FortiNet FortiClient


โปรแกรม FortiNet FortiClient อาจจะยังฟังดูใหม่สำหรับผู้ใช้งานทั่วไปเท่าไหร่ แต่ขอบอกเลยว่าประสิทธิภาพการทำงานของมันนั้นไม่ได้ Basic เลย เพราะเพียงแค่เปิดหน้าต่างโปรแกรมขึ้นมาหลายคนจะต้องร้องว้าว ! เพราะเมนูที่ให้มานั้นใช้ง่าย หาง่าย ไม่ซับซ้อน แถมยังมีคุณสมบัติในการป้องกันไวรัสได้อย่างอยู่หมัด รวมถึงตั้งค่าบล็อคไฟร์วอลได้นะเนี่ย

อันดับ 9 - 360 Internet Security


360 Internet Security เป็นโปรแกรมสแกนไวรัสสัญญาณจีนที่เปิดให้ผู้ใช้งานทั่วโลกได้ใช้งานกันแบบฟรีๆ มีชื่อเดิมว่า Qihoo โดยนับว่าเป็นโปรแกรมหนึ่งที่ประสบความสำเร็จด้านประสิทธิภาพการใช้งานโดยมีนักพัฒนาชาวจีนแท้ๆ คอยออกแบบระบบป้องกันต่างๆ ให้เราได้มั่นใจว่าคอมพิวเตอร์ของเราจะปลอดภัย ซึ่งความสามารถที่โดดเด่นเลย คือ การป้องกันการโจมตีทางออนไลน์ได้ทุกรูปแบบ รวมถึงการ Block ไวรัสประเภท Malicious Websites ได้อย่างหลากหลาย

ป้องกันไวรัสคอมพิวเตอร์ด้วย 7 ขั้นตอนต่อไปนี้

  1. ใช้โปรแกรมป้องกันและสแกนไวรัส : การใช้โปรแกรมป้องกันและสแกนไวรัสเป็นสิ่งที่ผู้ใช้ทุกคนควรทำเป็นอันดับแรก เพราะโปรแกรมเหล่านี้เปรียบเสมือบอดีการ์ดที่ทำหน้าที่ปกป้องและแก้ไขความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับคอมพิวเตอร์ของคุณ โดยจะทำหน้าที่อยู่หลักๆ  คือ ป้องกันไวรัสที่จะเข้ามาในเครื่อง โดยเป็นการตรวจดูไฟล์ที่เข้ามาว่าเป็นไวรัสหรือไม่ ตรวจไวรัสที่เล็ดลอดเข้ามา สแกนไฟล์ที่อยู่ในเครื่องว่าเป็นไวรัสหรือไม่ กำจัด (Delete) หรือกักกัน (Quarantines) ในกรณีที่พบไฟล์ต้องสงสัย โดยการทำงานของโปรแกรมสแกนไวรัสจะทำการเทียบข้อมูลจากฐานข้อมูลไวรัส (Definition)  ที่อยู่ในระบบกับไฟล์ต้องสงสัยว่าเข้าข่ายที่จะเป็นไวรัสหรือไม่
  2. ใช้โปรแกรมสแกนไวรัสที่เหมาะสมกับตัวเอง : ในปัจจุบันนั้นโปรแกรมป้องกัน หรือโปรแกรมสแกนไวรัสมีอยู่หลายประเภท อย่าง Anti-Virus คือ โปรแกรมที่ทำหน้าที่ป้องกันและสแกนไวรัส รวมไปถึงสปายแวร์ (Spyware) และแอดแวร์ (Adware) ได้บางส่วน อีกทั้งยังมีระบบ Firewall ซึ่งเป็นระบบป้องกันการบุกรุกเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์ของเราโดยไม่ได้รับอนุญาต มีการป้องกันการโจมตีที่เราอาจไม่รู้ตัว Anti-Spyware คือ โปรแกรมที่ทำหน้าที่กำจัดโปรแกรมจำพวกสปายแวร์โดยเฉพาะ มีการควบคุมและใช้งานง่าย ผู้ใช้สามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องมีความเชี่ยวชาญมากนัก
  3. ติดตั้งโปรแกรมสแกนไวรัสให้เป็น : หลายๆ คนยังคงไม่ทราบวิธีการติดตั้งโปรแกรมป้องกันและสแกนไวรัสที่ถูกต้องมากนัก ทำให้โปรแกรมไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งขั้นตอนการติดตั้งอย่างถูกวิธีไม่ได้มีวิธีการที่ยุ่งยาก เพียงแต่ลำดับความสำคัญของโปรแกรมให้ถูก โดยควรจะทำการติดตั้งหลังจากที่ติดตั้งระบบปฏิบัติการเสร็จเรียบร้อยแล้ว
  4. อัพเดทฐานข้อมูลไวรัสอยู่เสมอ : สำหรับการอัพเดทฐานข้อมูลไวรัสมักเป็นสิ่งที่ผู้ใช้งานโดยทั่วไปหลงลืมอยู่เป็นประจำ ผู้ใช้งานบางคนยังมีความเข้าใจที่ว่าเมื่อติดตั้งโปรแกรมป้องกันและสแกนไวรัวเอาไว้แล้วจะช่วยป้องกันคอมพิวเตอร์ของเราได้ตลอดไป ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิด ถึงแม้ว่าโปรแกรมจะมีหน้าที่ป้องกันไวรัสก็จริง แต่ตัวไวรัสคอมพิวเตอร์เองก็มีการพัฒนารูปแบบใหม่ๆ ให้สามารถทำงานเพื่อเอาชนะโปรแกรมป้องกันไวรัสได้ ฉะนั้นผู้ใช้เองจึงมีความจำเป็นที่จะต้องอัพเดทฐานข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเป็นการอัพเดทข้อมูลที่ผู้พัฒนาได้ระบุไว้เกี่ยวกับข้อมูลไวรัสคอมพิวเตอร์ชนิดใหม่ๆ อัพเดทคุณสมบัติเพิ่มเติมเพื่อให้สามารถกำจัดไวรัสชนิดใหม่ๆ ได้อย่างไม่ยาก แนะนำให้ทำการอัพเดทโปรแกรมสแกนไวรัสวันละครั้ง 
  5. เปลี่ยนเวอร์ชั่นใหม่ทันทีที่มีโอกาส : โดยปกติแล้วโปรแกรมป้องกันและสแกนไวรัสจะมีอายุการใช้งานประมาณ 1 ปี จากนั้นผู้ผลิตจะทำการปล่อยเวอร์ชั่นใหม่ออกมาให้ผู้ใช้งานได้อัพเดท อย่าคิดว่าเราจะเสียเงินซื้อโปรแกรมเวอร์ชั่นใหม่ทำไม ในเมื่อเวอร์ชั่นเก่าก็ยังใช้งานได้ อัพเดทฐานข้อมูลได้ตามปกติ จริงๆ แล้วการใช้งานเวอร์ชั่นเดิมก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร แต่การที่ผู้ผลิตปล่อยเวอร์ชั่นใหม่ออกมาเพื่อเป็นการเพิ่มฟังก์ชั่นบางอย่างให้สามารถใช้งานโปรแกรมได้ง่ายขึ้น ปลอดภัยมากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการพัฒนาระบบภายในเสียมากกว่าหากว่าไม่ใช่รอบการอัพเดทใหญ่
  6. อย่ารับไฟล์แปลกๆ และติดตามข่าวสารอยู่เสมอ : ถึงแม้ว่าผู้ใช้จะอัพเดทโปรแกรมป้องกันไวรัสให้ล่าสุดขนาดไหนก็ตาม แต่อยากให้รู้ความจริงอยู่หนึ่งข้อว่า ไฟล์ที่เราอัพเดทกันอยู่นั้นมักจะมีขึ้นหลังจากที่เกิดไวรัสชนิดนั้นๆ ขึ้นแล้ว ซึ่งหมายความว่าเราเอง หรือใครก็ได้ยังมีโอกาสที่จะติดไวรัสได้ตลอดเวลา วิธีป้องกันอย่างหนึ่งที่ดีที่สุด คือ อย่ารับไฟล์แปลกๆ หรือดาวน์โหลดไฟล์ที่ไม่รู้จักเข้ามาจากอินเทอร์เน็ต จะดาวน์โหลก หรือจะรับไฟล์ไหนมาอยากให้อ่านให้รอบคอบ หรือหาข้อมูลก่อนสักนิดในกรณีที่เราไม่มีความรู้เกี่ยวกับไฟล์ อีกทั้งยังอยากให้ผู้ใช้ติดตามข่าวสารใหม่ๆ เกี่ยวเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นไวรัสคอมพิวเตอร์สายพันธุ์ใหม่ หรือโปรแกรมใหม่ๆ ที่ใช้สำหรับสแกนไวรัส โดยในเว็บไซต์ของผู้พัฒนาก็จะมีการอัพเดทข้อมูลที่สม่ำเสมออยู่แล้ว 
  7. ติดไวรัสแล้วอย่ากลัว : หากผู้ใช้งานสงสัยว่าคอมพิวเตอร์ของเรานั้นได้ถูกทำร้ายด้วยเจ้าไวรัสที่แอบลักลอบเข้ามาแล้วก็อย่าพึ่งกลัว หรือตกใจไป อยากให้ตั้งสติและลองเช็คอาการที่เกิดขึ้นว่าเป็นอย่างไร น่าจะมีสาเหตุมาจากส่วนไหน อาจลองพยายามหาดูว่าไวรัสที่กำลังเล่นงานคอมพิวเตอร์เครื่องโปรดของเรานั้นชื่อว่าอะไร แล้วค่อยหาวิธีและดาวน์โหลดโปรแกรมที่สามารถลบเจ้าไวรัสตัวนี้ออกไปจากคอมพิวเตอร์ของเรา แนะนำว่าให้ทำในขณะที่คอมพิวเตอร์เข้าสู่ Safe Mode จะทำให้เราแก้ไขอาการที่เกิดขึ้นได้ง่ายมากกว่า

วิธีทดสอบโปรแกรม Anti-Virus ว่าใช้ได้จริงหรือไม่

ลำพังแค่รู้ว่าคอมพิวเตอร์ที่เรากำลังใช้อยู่แสนจะเชื่องช้าก็แย่อยู่แล้ว แต่หากต้องมารู้เพิ่มอีกว่าคอมพิวเตอร์สุดรักกำลังติดไวรัสอยู่ ! ยังไงก็ต้องเป็นเรื่องสะเทือนใจอย่างแน่นอนซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ดีแน่ โดยปกติธรรมดาสามัญคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องจะต้องมีการติดตั้งโปรแกรม Anti-Virus หรือโปรแกรม สแกนไวรัส เพื่อความปลอดภัยจากการโจมตีของเจ้าไวรัสตัวร้าย แค่มีไว้อุ่นใจอย่างเดียวอาจไม่พอ ต้องมีประมีสิทธิภาพด้วย แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรล่ะว่าโปรแกรมสแกนไวรัสที่ใช้อยู่ตอนนี้จะสามารถตรวจจับไว้รัสได้ดีจริงๆ ลองมาทำการพิสูจน์ตามวิธีที่เราหามาฝากกันวันนี้เลยดีกว่า 
Notepad ไวรัสทดสอบNotepad ไวรัสทดสอบ
  1. เปิดโปรแกรม Notepad ขึ้นมา
  2. พิมพ์ X5O!P%@AP[4PZX54(P^)7CC)7}$EICAR-STANDARD-ANTIVIRUS-TEST-FILE!$H+H* ลงไปใน Notepad
  3. บันทึกไฟล์ Notepad ในชื่อ virus.com
  4. เมื่อบันทึกเสร็จแล้วคราวนี้ก็มาทดสอบกัน Double Click ไฟล์ virus.com เพื่อรัน
ผลที่เกิดขึ้น ถ้าหากว่าโปรแกรมสแกนไวรัสที่เราใช้อยู่นั้นดีจริงแล้วล่ะก็จะมีการส่งสัญญาณเตือนจากโปรแกรม บางโปรแกรมก็แค่ขึ้นเตือนให้ผู้ใช้ทำการลบเอง แต่ในบางโปรแกรมสแกนไวรัสก็อาจจะดำเนินการลบให้เราโดยอัตโนมัติ เพราะคิดว่าปล่อยก็คงไม่ดีแน่ (ยกตัวอย่างภาพด้านล่าง)
โปรแกรมกันไวรัสแจ้งเตือนโปรแกรมกันไวรัสแจ้งเตือน
ในภาพเป็นการใช้งานโปรแกรมสแกนไวรัสที่ชื่อว่า ESET NOD32 Antivirus เป็นตัวทดสอบ เมื่อทำการ Double Click ยังไฟล์ไวรัสที่เราสร้างไว้เพื่อให้การรัน ผลปรากฏว่าก็มีการแจ้งเตือนให้ผู้ใช้ดำเนินการลบ ฉะนั้นแสดงว่าโปรแกรมสแกนไวรัสตัวนี้ก็ยังคงมีประสิทธิภาพในการตรวจจับที่ดีอยู่ แต่หากมองย้อนกลับมาที่โปรแกรมสแกนไวรัสที่คุณกำลังใช้อยู่แต่ไม่มีปฏิกิริยาดังเช่นที่เราทดสอบแล้วล่ะก็คงต้องพิจารณากันใหม่หน่อยแล้ว ว่าควรที่จะหาแอนตี้ไวรัสตัวอื่นๆ มาใช้แทน หรือซ่อมแซม อัพเดทให้มันกลับมาใช้งานได้ตามปกติรึเปล่า ส่วนไฟล์ที่เราสร้างขึ้นมานี้ คือ ไวรัส (Virus) แต่เป็นไวรัสที่ไว้สำหรับทำการทดสอบ ไม่มีอันตรายใดใดต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณอย่างแน่นอน สามารถนำไปทดสอบได้ตามสบาย หายห่วง
โปรแกรม แสกนไวรัส มีให้เลือกใช้มากมาย ทั้งแบบของฟรี และแบบเสียเงินซื้อรายปี ซึ่งในเวอร์ชั่นแบบของฟรีนั้น อาจจะป้องกันไวรัสคอมพิวเตอร์ได้ไม่หมด หรืออาจมีลูกเล่นการทำงานไม่ครบ ดังนั้นการใช้งานโปรแกรมกันไวรัสแบบเสียเงิน อาจเป็นตัวเลือกที่ดีตัวเลือกหนึ่ง ที่จะป้องกันข้อมูลเอกสารสำคัญในเครื่องคอมพิวเตอร์ของท่าน ไม่ให้สูญหาย ลดการเกิดปัญหาเรื่องไวรัส ค่าใช้จ่ายโปรแกรมกันไวรัสในปัจจุบันก็ไม่ได้แพงอย่างที่คิด บางยี่ห้อช่วงโปรโมชั่นจะเหลือราคาหลักร้อย ราคาโดยเฉลี่ยของโปรแกรม กันไวรัส โดยทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 1000 บาท/ปี

รายชื่อของโปรแกรมป้องกันไวรัสและโปรแกรมป้องกันสปายแวร์

No comments:

Post a Comment

Norton Softwaer

โปรแกรมป้องกันไวรัสของ Norton             Norton AntiVirus เป็น ผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ ป้องกัน ไวรัส หรือ มัลแว ร์ที่พัฒนาและจัดจำหน่า...